เคสแต่ละแบบ ต่างกันยังไง?

ทุกครั้งเวลาเราที่เราใช้โทรศัพท์เราต้องดูแลรักษาเพราะแต่ละเครื่องราคาก็ไม่ใช่น้อยๆ การใส่เคสจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการดูแลรักษามือถือของเรา แต่เวลาไปซื้อเคสเนี่ยมันก็มีหลายแบบเหลือเกิน ซึ่งแต่ละแบบก็มีการใช้งาน การดูแลรักษาก็ต่างกัน วันนี้เราจะพาไปดูเคสแต่ละตัวว่ามีการใช้งาน ปกป้องมือถือเราแบบไหนบ้าง

เคสแฟชั่น (Fashion Phone Case)

เคสประเภทนี้ เป็นเคสที่เน้นไปยังเรื่องของความสวยงาม ไม่เน้นในด้านของการปกป้อง หรือป้องกันตัวเครื่อง โดยตัวเคสจะมีความโดดเด่นในเรื่องของความสวยงาม ส่วนใหญ่จะเป็นการทำแบบแฮนเมดแต่สิ่งที่น่าสนใจ คือแต่ละชิ้นสามารถสั่งทำได้ อยากได้สวยแค่ไหนสั่งได้ ด้วยความที่เคสแฟชั้น เน้นไปที่ความสวยงาม มันจะมีสีขาว หรือเคสใส แต่เวลาใช้งานไปนานๆเคสจะมีสีเหลืองขุ่น รวมถึงตัวการ์ตูนที่ติดมาอาจจะมีหลุด มีขาดไปด้วย

เคสสกรีนลาย/เคสพิมพ์ลาย

เคสประเภทนี้เป็นเคสที่มีความทนทานน้อย สามารถหาได้ง่ายตามตลาดทั่วไป ราคาก็ไม่แพงมีตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อยจุดประสงค์ของเคสนี้มีเพียงแค่ทำให้โทรศัพท์มีความสวยงามและที่สำคัญทำให้น่าใช้ขึ้น

เคสแฮนด์เมด (Handmade Case)

เคสแฮนด์เมด ก็คือเคสที่ใช้ฝีมือมนุษย์ในการทำโดยมีหลากหลายแบบแต่ที่นิยมจะเป็นแบบเรซิน มีการสกรีนลาย โดยได้พิมพ์ลายลงบนเคส และสามารถติดสิ่งของประดับตกแต่งได้ ใส่ได้ทั้งโซ่ ทั้งจิวาลี หรือตัวอักษร เพื่อเป็นการตกแต่งเคสแบบนี้จะต้องสั่งไปก่อน และรอรับสินค้าในภายหลังเคสนี้เป็นลักษณะพลาสติกแข็ง เพื่อไม่ให้สิ่งที่ติดลงไปบนเคสแต่ก็มีบางแบบที่ใช้เคสใสอ่อน

เคสกันรอย (Protective Phone Case)

เคสกันรอยตัวนี้มีคุณสมบัติตามชื่อเลยครับ หลักๆคือการป้องกันรอยขีดข่วน คุณภาพของตัวเคสนี้ ดีกว่าเคสแฟชั่น เมื่อใส่เคสนี้จะทำให้การตกหรือกระแทกมีความเบาลง เหมาะกับกลุ่มคนที่ทำงานที่สูงหรือมีความเสี่ยงทำมือถือตัวเก่งตกครับ

เคสกันรอยแบบซิลิโคน (เคสซิลิโคน)

เคสตัวนี้เป็นซิลิโคน มีความยืดหยุ่น สามารถบิดงอได้ เคสแต่ละตัวก็จะมีผิวสำผัสที่แตกต่างกัน ขึ้นนอยู่กับเกรดของซิลิโคน ยิ่งราคาสูงเกรดก็ยิ่งดี เคสกันรอยรุ่นนี้สามารถกันได้ในระดับปานกลาง แต่ตัวเคสเองก็มีรอยค่อนข้างง่าย ตัวเคสเองก็มีลักษณะเป็นพลาสติกเช่นกัน เวลาใช้งานไปนานๆก็ิาจจะทำให้เคสหมองลงได้

เคสกันรอยแบบพลาสติก (เคสพลาสติก)

เคสตัวนี้เป็นเคสพลาสติก มีความแข็งและไม่สามารถบิดได้ เมื่อทำการใส่โทรศัพท์ลงไปในเคสจะลงล็อคพอดี โดยเคสนั้นจะหนาหรือบางก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเคส หรือผู้ผลิตแต่ละราย โดยเคสรุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีสีใสเสมอไป อาจจะมีการใส่ลาย หรือติดกากเพชร ให้เกิดความสวยงาม เคสรุ่นนี้นิยมนำออกมาทำเป็นเคสแฟชั่นมากที่สุด เพราะเคสที่หนา แต่จุดที่ต้องระวังคือตัวเคสยึดติดกับตัวมือถือแบบแน่นหนาถ้าเกิดตกอาจจะทำให้เคสแตกอาจจะลามไปจนถึงตัวเครื่องก็ได้

เคสกันรอยแบบหนัง (เคสหนัง)

เคสนี้จะเป็นเคสที่เน้นไปในเรื่องของความหรูหรา น่า่ใช้ โดยปกติแล้วไม่ได้เอาหนังมาขึ้นรูปเป็นเคสโดยตรง แต่จะเป็นการนำเคสพลาสติกมาและเอาหนังไปครอบทับอีกทีนึง ทำให้การใส่ในโทรศัพท์นั้นง่าย โดยมีแบรนด์ดังๆทำเคสโทรศัพท์ออกมาให้ใช้หลากหลายเช่น  Coach, Gucci, MCM, Louis Vuitton โดยราคามีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว

เคสฝาพับ

เป็นเคสที่มีหน้าตาคล้ายกับกระเป๋าเล็กๆโดยลักษณะพิเศษคือจะเคสจะมีการปิดครบทุกด้านรวมถึงด้านหน้าซึ่งครอบคลุมการกันรอยขีดข่วน แต่ถ้าพูดถึงการกันกระแทกได้แค่ปานกลาง ตัวฝาปิดอาจจะมีลักษณะพิเศษเพิ่มเข้ามาเช่น ช้องในบัตร

เคสกันกระแทก (Shockproof Phone Case)

เคสตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการตกหล่นเป็นพิเศษ ซึ่งสามารถป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด โดยความทนทานจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและวัสดุในการทำ เช่น เคสของ UAG จะใช้การผสมผสานวัสดุอย่างโพลีคาร์บอเนต พลาสติกแข็ง และยาง TPU เข้าด้วยกัน, เคสของ Otterbox จะใช้โพลีคาร์บอเนตและซิลิโคน เป็นต้น

แต่ก็มีเคสที่เรียกได้ว่าไปรบก็ไม่พังคือเคสที่ถูกเรียกว่า Military Standard (MIL-STD) เป็นเคสที่ถูกนิยมมาใช้งานในทางการทหารมีคุณสมบัติมากมายโดยเฉพาะเรื่องของการกันกระแทก ทนต่อการสั่นสะเทือน

เคสกันกระแทกจากอลูมิเนียม

เคสกันกระแทกตัวนี้ผลิตจากอลูมิเนียม ซึ่งมีคุณสมบัติในการกันกระแทกที่สูงมาก การผลิตด้วยอลูมิเนียมนั้นทำให้เกิดความสวยงาม เรียบหรู ด้านในเป็ล EVA ที่เป็นโฟมโพลิเมอร์ที่นิยมมากๆไปทำเป็นแผ่นกันกระแทก พื้นรองเท้า หรือแม้กระทั่ง เมาส์ จึงทำให้ไม่เป็นรอยเวลาใช้งาน

เคสบัมพ์เปอร์

เคสประเภทนี้วัสดุตัวนี้เป็นยางกันกระแทกแบบบางๆ แต่มีความยืดหยุ่นสูงมาก มีทั้งแบบยางทั้วไป ไปจนถึงซิลิโคนเกรดที่ใช้ในทางการแพทย์เลย โดยเคสตัวนี้จะแปลกและแตกต่างกว่าตัวอื่นมากๆ เพราะเคสตัวนี้ไม่มีด้านหลัง มีแต่ขอบด้านข้าง ทำให้ไม่สามารถกันรอยขีดข่วนได้ แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อกันการกระแทกโดยตรง เมื่อตกลงพื้น ตัวของของจะทำหน้าที่รองกันกระแทก เพราะมีความหนาและทำด้วยยางทำให้เลี่ยงการตกกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดความเสียหายได้

เคสกันกระแทกระดับปานกลาง

เคสรุ่นนี้จะไม่หนาและไม่หนักเท่ากับเคสกันกระแทก ทำให้วัสดีมีความบางกว่า มีน้ำหนักที่เบา แต่ยังมีการป้องกันทั่วไปทั้งรอยขีดข่วนและกันกระแทก ซึ่งตัวนี้ไม่ได้กันกระแทกอะไรมาก หากตกจากมือขณะยืน ก็พอไหว

เคสกันกระแทกระดับสูงสุด

เคสกันกระแทกสูงสุดมีควาามสามารถตามชื่อเลย การใช้งานมีความคงทนและหนักมากที่สุดแต่ประสิทธิภาพเรียกได้ว่าดีที่สุด มีการป้องกันได้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเคสตัวนี้สามารถผ่านการทดสอบจากมาตรฐานทางการทหารที่กำหนดไว้อีกด้วย โดยแบรนด์หลักๆที่ขายอยู่มีดังนี้  UAG, Otterbox, Pelican, Gear4, Case-Mate, SupCase เป็นต้น

เคสเสริมฟังก์ชันการใช้งาน (Add-on Function Phone Case)

เคส นอกจากจะช่วยให้มือถือตัวเก่งของเราปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน ผู้ผลิตหลายรายยังมีการเพิ่มลูกเล่นลงไปในเคสแต่ละตัว เพิ่มทำให้การใช้งานสะดวกมาขึ้น เช่น ที่ใส่บัตรเครดิต หรือบัตร ATM และเคส Wireless Charge ที่ออกแบบมาเพื่อให้รองรับการชาร์จแบบไร้สาย

เคสใส่บัตร

เคสรุ่นนี้มีการออกแบบมาตามชื่อ โดยผู้ใช้งานสามารถพกพาธนบัตร เคสจะถูกออกแบบมาในลักษณะเคสหนังหรือฝาพับ เพราะมีความยืดหยุ่นสามารถใส่ช่องใส่บัตรเพิ่มได้

เคสชาร์จแบบไร้สาย

เคสตัวนี้รองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charge Case) โดยเคสตัวนี้ออกแบบมาเพื่อให้มือถือที่ไม่รองรับการชาร์จไร้สาย สามารถชาร์จไร้สาย โดยผ่านตัวแปลงภายในเคส

สรุปวิธีการเลือกใช้งานเคสให้เหมาะสมกับตนเอง

สรุปการเลือกเคสให้เราดูที่วิธีการใช้งานของตนเอง ว่าใช้โทรศัพท์แบบไหน เช่นหากคุณไม่ค่อยใช้มือถืออะไรมาก หรือไม่ติดมือถืออะไร ใช้เคสแฟชั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นคนที่ชอบไปเที่ยว เดินเขา เดินป่า ก็ควรใช้เคสกันกระแทกเพื่อป้องกันการตก การกระแทก หรือเคสบางรุ่นสามารถให้เป็นของขวัญวันเกิดสำหรับคนที่คุณรักเวลาได้มือถือใหม่ๆก็ได้ค่ะ เป็นต้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *